ความแตกต่างของ TV 4K กับ 8K

คุณภาพของภาพเป็นสิ่งสำคัญเมื่อคุณชมภาพยนตร์หรือรายการโทรทัศน์สุดโปรด นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเทคโนโลยีอย่าง 4K และ 8K ถึงได้มีความสำคัญ TV แบบ 4K กับ 8K คือเทคโนโลยีล่าสุดของโทรทัศน์ แล้วอะไรคือความแตกต่างระหว่างผลิตภัณฑ์สองประเภทนี้ล่ะ? ในบทความนี้ เราจะอธิบายทุกอย่างตั้งแต่เรื่องความละเอียดไปจนถึงจำนวนพิกเซล เมื่ออ่านบทความนี้จบแล้ว คุณจะมีความเข้าใจมากขึ้นว่าโทรทัศน์แบบใดที่ดีที่สุดสำหรับโฮมเธียเตอร์ของคุณ!

ความละเอียด 4K คืออะไร?

คำล่าสุดที่มีการนำมาใช้งานเพื่อให้เกิดความเข้าใจในการเปรียบเทียบ TV ที่มีความละเอียดมากที่สุดก็คือ 4K และ 8K โดยที่ทั้งสองคำนี้เกี่ยวข้องกับจำนวนพิกเซลบน TV โดยยิ่งจำนวนพิกเซลมากขึ้น คุณภาพของภาพก็จะยิ่งสูงขึ้น เพราะว่าแต่ละพิกเซลบนหน้าจอของคุณสามารถแสดงสีที่แตกต่างกันออกไป ทำให้เกิดภาพที่มีความซับซ้อนและมีรายละเอียดมากขึ้น

ผู้ผลิต TV ชั้นนำอย่าง TCL ได้แนะนำผลิตภัณฑ์ TV ทั้งรุ่น 4K และ 8K ที่จะทำให้คุณเปลี่ยนคืนวันที่ธรรมดาที่สุดเป็นคืนสุดพิเศษด้วย TV ของคุณ

คำว่า “ความละเอียด 4K” หมายถึงความละเอียดของการแสดงผลที่ประมาณ 8.3 ล้านพิกเซล การถ่ายภาพยนตร์และโทรทัศน์ดิจิทัลมักจะใช้ความละเอียด 4K ในแบบต่างๆ รูปแบบ 4K ที่โดดเด่นของโทรทัศน์และสื่อของผู้บริโภคจะอยู่ที่ 3840 x 2160 (4K UHD)โทรทัศน์ดังกล่าวมีจำนวนพิกเซลมากกว่า Full HD TV ซึ่งถือว่ามีความละเอียดสูง (HD) สี่เท่า

จำนวนพิกเซลพิเศษจะมอบรายละเอียดที่มากขึ้นให้แก่วิดีโอเกมและภาพยนตร์ ซึ่ง 8K TV จะมีความคมมากกว่า

ความละเอียด 8K คืออะไร?

ถัดจากความละเอียดของการแสดงผลแบบ 4K ก็คือความละเอียดแบบ 8K ความละเอียด 8K มีจำนวนพิกเซลมากกว่าจอภาพ 4K สี่เท่า โดย 8K TV มีความละเอียดที่ 7680 x 4320  หน้าจอ 8K จึงสามารถแสดงภาพที่มีรายละเอียดและความชัดเจนได้มากกว่า 4K TV

8K TV เครื่องแรกได้รับการเปิดตัวในงาน CES 2019 ตามการคาดการณ์ประจำปี 2018 ของการวิเคราะห์กลยุทธ์ ยอดขายทั่วโลกประจำปีของ TV จะอยู่ที่ 11 ล้านเครื่อง โดย 8K TV จะอยู่ที่ 3% ของ UHD TV ภายในปี 2023 ในส่วนของผู้ผลิต TV ยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้นเพราะ 4K ขยายตัวรวดเร็วกว่าที่คาดการณ์เอาไว้มาก โดยยอดขายจริงเกินไปจากที่คาดการณ์เอาไว้เกือบจะหกเท่าในปี 2016

จำนวนที่แน่ชัดของพิกเซลจอภาพ 8K จะแตกต่างกันออกไปโดยจะขึ้นอยู่กับขนาดของหน้าจอ ในขณะที่ในปัจจุบัน 4K มอบภาพที่มีรายละเอียดที่น่าทึ่งเป็นอย่างมาก ส่วน 8K TV จะมอบภาพที่มีความสมจริงมากกว่า ยิ่ง TV มีรายละเอียดมากขึ้นเท่าใด คุณก็จะยิ่งชอบโทรทัศน์ดังกล่าวมากขึ้นเท่านั้น 8K TV สามารถแสดงสีที่มากกว่าและภาพที่ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น เนื่องจากความสามารถของ HDR ที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นทุกรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ จะโดดเด่นขึ้นมาบนหน้าจออย่างที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน

ข้อดีและข้อเสีย

4K:

ในปัจจุบัน ราคาของโทรทัศน์ 4K ถูกลง ทำให้ครอบครัวทั่วไปสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้มากขึ้น หากคุณอยากจะได้ภาพที่ชัดเจนและสมจริงสำหรับรายการและภาพยนตร์เรื่องโปรดโดยไม่ทำให้กระเป๋าเงินของคุณฉีก 4K TV จะตอบโจทย์ความต้องการของคุณ

ข้อดี:

เมื่อเทียบกับ HDTV ที่มีมาก่อนแล้ว ภาพจะมีความสมจริง ราบรื่น และคมมากกว่า มีเนื้อหามากกว่าเนื้อหาของ 8K (Netflix, Hulu, YouTube ฯลฯ) ผู้ชมจะได้รับประสบการณ์การมีส่วนร่วมเหมือนการชมภาพยนตร์มากกว่าจอภาพ HD

ข้อเสีย:

ราคาแพงกว่า HDTV มาตรฐาน 4K TV ใช้พลังงานมากกว่า HD TV ทั่วไป

8K:

โทรทัศน์แบบ 8K สามารถเป็นทุกสิ่งที่คุณต้องการได้ หากคุณอยากจะได้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดสำหรับโฮมเธียเตอร์ของคุณ 8K เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับโฮมเธียเตอร์ เนื่องจากความละเอียดที่สูงกว่าจะเผยให้เห็นรายละเอียดและภาพที่เป็นธรรมชาติมากกว่า คุณจะไม่พบปัญหาในการรับชมไม่ว่าคุณจะนั่งตรงไหนของโฮมเธียเตอร์เพราะโทรทัศน์รุ่นนี้รองรับมุมมอง 120 องศา คุณจึงจะมองเห็นภาพได้อย่างชัดเจนไม่ว่าคุณจะนั่งตรงไหนของหน้าจอก็ตาม

ข้อดี:

เนื่องจากพิสัยของสีที่กว้างขึ้น ภาพที่ปรากฏจึงดูเป็นธรรมชาติมากกว่าเดิม เสียงที่ชัดเจนและลุ่มลึกจะช่วยเสริมสร้างประสบการณ์การรับชมให้มุมมองแบบ 120 องศา

ข้อเสีย:

มีเนื้อหา 8K ที่สามารถเข้าถึงได้ไม่มากนัก ราคาแพงกว่าโทรทัศน์ 4K ไม่เหมาะสำหรับ TV ขนาดเล็ก  เพราะหน้าจอขนาดเล็กจะไม่แสดงความแตกต่างเรื่องภาพมากนัก

ควรนั่งห่างจาก 4K/8K TV เท่าใหร่?

นี่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะซับซ้อนเล็กน้อย ระยะห่างสำหรับการดูโทรทัศน์ความละเอียด 8K ที่ดีที่สุดจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งของผู้รับชม อีกสิ่งหนึ่งก็คือ คุณจะต้องคำนึงถึงประเภทของเนื้อหาที่คุณจะรับชม (รวมถึงความละเอียดของเนื้อหาดังกล่าว) เพื่อดูว่าคุณจะต้องนั่งอยู่ใกล้โทรทัศน์มากเพียงใด โดยปกติแล้วคุณต้องนั่งอยู่ห่างจากโทรทัศน์เครื่องใหม่ของคุณอย่างน้อยหกฟุตหากเนื้อหาที่คุณรับชมเป็น Netflix หรือ Amazon Prime Video แบบ 4K หรืออาจจะนั่งใกล้กว่านั้นอีกเพื่อหลีกเลี่ยงการพลาดรายละเอียดเนื่องจากความเบลอหรือระยะเวลาหน่วงระหว่างภาพหากโทรทัศน์ทำงานที่ 60 เฟรมต่อวินาทีและที่ความลึกของสี 10 บิต (เช่น คอนโซลการเล่นเกมไฮเอนด์)

หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการเลือกระยะห่างของการดูโทรทัศน์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ โปรดอ่านบทความเรื่อง วิธีเลือกขนาดและระยะห่างของทีวีสำหรับห้องนั่งเล่นของคุณให้เหมาะสม ในเว็บไซต์ของเราซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับคุณ!

TCL Multi View 2.0

TCL MultiView 2.0 เป็นฟีเจอร์ที่รองรับการแคสต์หน้าจอ ฟีเจอร์นี้สามารถรองรับการแคสต์หน้าจอได้ถึงสี่การแคสต์บนหน้าจอ TV เดียว

TCL Multiview 2.0 สามารถใช้ได้กับ TCL TV หลายรุ่น หากคุณต้องการ TCL TV ที่รองรับ MultiView 2.0 ขนาดหน้าจอของ TV รุ่นดังกล่าวจะอยู่ที่ 55 นิ้วถึง 65 นิ้ว C835 ดังนั้น จะช่วยให้คุณมีตัวเลือกในการตัดสินใจซื้อ TV ที่เหมาะกับพื้นที่ของคุณมากขึ้น

การแคสต์หน้าจอเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการเชื่อมต่อสื่อต่างๆ กับ TV ของคุณ

การแคสต์หน้าจอเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการมีเชื่อมต่อสื่อต่างๆ กับ TV ของคุณ การแคสต์หน้าจอเป็นวิธีการที่ดีเยี่ยมในการดูวิดีโอ การเล่นเกมบน TV และการใช้รีโมทคอนโทรล คุณสามารถแชร์หน้าจอของคุณ (เช่น Netflix) หรือส่งไฟล์จากคอมพิวเตอร์ไปที่ TV ของคุณได้โดยตรง

เลือก TV ที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ซึ่งรองรับการแคสต์หน้าจอ และสามารถเพิ่มการเชื่อมต่อกับสื่อต่างๆ ได้ TCL มี TV อัจฉริยะจำนวนมากให้คุณเลือก รวมถึงมีรุ่นที่รองรับสี่หน้าจอพร้อมกัน 

บทสรุป

อย่างที่คุณได้เห็นกันไปแล้วว่า มีหลายวิธีในการแคสต์หน้าจอโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตของคุณไปที่ TV ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณจะขึ้นอยู่กับประเภทของอุปกรณ์ที่คุณมีและจำนวนเงินที่คุณต้องการจะจ่าย เพื่อช่วยให้ประสบการณ์การแคสต์ของคุณดีขึ้น การเลือก TV ที่ใช่จึงมีความสำคัญเช่นกัน คุณสามารถเลือกได้จาก TV อัจฉริยะจำนวนมากของ TCL ซึ่งบางรุ่นสามารถเปิดได้ถึงสี่หน้าจอพร้อมกัน หากต้องการศึกษาเพิ่มเติม คลิกเลยที่นี่

ติดต่อกับเราได้ผ่านช่องทาง Facebook, Instagram, TikTok, Twitter & YouTube

เพื่อติดตามข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับ TCL โปรดักส์และกิจกรรม